
1. ความสมบูรณ์แบบไม่มีบนโลกใบนี้
ถ้าคุณเป็นพวกแสวงหาความสมบูรณ์แบบ สิ่งนั้นเป็นได้เป็นอุดมคติ ความเป็นจริงก็คือมันไม่มีสิ่งใดที่เกิดขึ้นจากมนุษย์แล้วจะสมบูรณ์แบบ 100% ได้ แน่นอนว่าความพย าย ามทำให้ดีที่สุดนั้นเป็นเรื่องที่ดี
แต่การยึดติดกับคำว่า สมบูรณ์แบบต่างหากที่มันผิด การรอคอยแผนการที่สมบูรณ์แบบเพื่อลงมือทำจริง นั่นเป็นเรื่องเพ้อฝัน เพราะ คุณจะไม่ได้ทำอะไรเลย หากความคิดนี้ยังไม่เปลี่ยน คุณจะแก่ชรา และต า ย ไปพร้อมกับความไม่สมบูรณ์แบบของคุณ
2. คุณต้องยอมรับข้อบกพร่อง และความผิดพลาดในชีวิตของตัวเองให้ได้
ไม่มีความหมายหากคุณจะจมอยู่กับความผิดพลาดของตัวเอง มัวคิดมากหรือโทษตัวเองไปแล้วจะได้อะไรขึ้นมา หากคุณยังใช้ชีวิตโดยมีความกลัวเป็นตัวนำ มันก็จะนำคุณไปสู่ทิศทางที่ผิด
คุณต้องเริ่มที่จะกล้ายอมรับตัวเอง ยอมรับว่าคุณขาดอะไร บกพร่องตรงไหน เพราะไม่มีใครหรอกครับที่เก่งไปเสียทุกเรื่อง มนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาให้แตกต่างกันเพื่อให้ได้นำความสามารถของตนเองไปช่วยเหลือผู้อื่นที่ขาดในสิ่งที่พวกเขาไม่มีอย่ าใส่ใจกับข้อบกพร่องของตนเอง ยอมรับมันซะ และมุ่งใส่ใจกับเรื่องที่คุณเชี่ยวชาญดีกว่าครับ
3. อะไรที่แล้วไปแล้ว ก็ปล่อยให้มันแล้วไป
เมื่อคุณพบกับความล้มเหลว คุณจะต้องรู้สึกยังไงกับมันครับ? คุณจะเศร้าโศกเสียใจหรือเปล่าถ้าหากคุณพบกับความสำเร็จล่ะ คุณจะต้องรู้สึกยังไง? ต้องรู้สึกยินดี รู้สึกสะใจกับความสำเร็จ
ต้องฉลองอย่ างงั้นหรือ? ไม่เลยครับ ความเป็นจริงก็คือ เรื่องเหล่านี้มันเป็นแค่เรื่องที่เกิดขึ้น ชั่ ว ครั้ง ชั่ ว คราว คุณอาจรู้สึกไปกับมันได้ แต่อย่ าได้ไปใส่ใจ
หรือนำมาเป็นเรื่องเป็นราวต่ออนาคตของคุณ เพราะ เรื่องที่เกิดไปแล้วมันไม่ได้เป็นตัวกำหนดอนาคตของคุณเลย แม้แต่นิดเดียว พญาอินทรียังโดนยิงร่วงจากฟากฟ้าได้ แล้วประสาอะไรกับชีวิตคน
4. ความล้มเหลวคือส่วนหนึ่งที่เราต้องเจอในชีวิต
คุณต้องยอมรับให้ได้ว่า “ชีวิตของทุกคนที่ยิ่งใหญ่ต้องพบเจอกับความล้มเหลว”และคุณเองแค่กำลังเจอกับเรื่องๆหนึ่ง ที่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ คือ “การล้ม”
ที่สำคัญคือ ล้มแล้วลุกขึ้นมาได้ไหม ลุกขึ้นมาไวแค่ไหน คนที่ไม่เคยล้มเหลวมีแต่พวกที่ไม่เคยทำอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันเลยเท่านั้น เมื่อคุณกล้าที่จะยอมรับความจริงข้อนี้ นั่นเท่ากับว่า คุณเติบโตขึ้นอีกขั้นแล้ว
5. มันมีความแตกต่างกันระหว่างคำว่า ทำงานหนัก และทำงานอย่ างชาญฉลาด
โลกยุคนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าคุณไม่ใช่คนที่ทำงานในโรงงาน ที่ทำแต่อะไรซ้ำไปซ้ำมาตลอดวันแต่หากคุณทำงานในบริษัท มันคงไม่ใช่ทางที่ฉลาดนักที่คุณจะทำตัวเป็นคนขยันด้วยการทำงานช้าๆ
จนเต็มเวลางาน จนล่วงเลยเวลางาน เพื่อให้เจ้านายหัวโบราณคิดว่า “คุณนี่ช่างเป็นคนขยันซะเหลือเกิน” ทั้งที่จริงๆแล้วคุณเป็นพวกที่ใช้เวลาทำงานมาก แต่กลับได้ผลงานน้อย ถ้าคุณเป็นคนแบบนี้ ผมขอแนะนำให้หยุดครับ
และเปลี่ยนเป็นคนที่คิดและทำด้วยวิธีการที่เร็วที่สุด เพื่อให้ได้ผลงานมากที่สุดในเวลาที่น้อยที่สุดดีกว่าฟังแล้วคุณอาจรู้สึกว่า “วิธีนี้มันโ ง่ชัดๆ ฉันจะขยันเหนื่อยเพื่อบริษัททำไม ในเมื่อจะทำช้าหรือเร็ว
ก็ได้เงินเดือนเท่ากัน” ใช่ครับ แต่นี่แหละครับคือวิธีคิดของพวกที่คิดจะใช้ชีวิตไปวันๆแบบนี้ตลอดชีวิตการที่คุณเต็มที่กับการสร้างผลงานด้วยเวลาที่รวดเร็ว
มันไม่ใช่การทำเพื่อใครเลย มันคือการทำเพื่อตัวคุณเองทั้งนั้น ถ้าคุณไม่ฝึกตัวเองให้เก่ง ให้เร็วเหนือคนอื่นวันที่คุณจะได้เติบใหญ่คงไม่มีวันเกิดขึ้น วันที่คุณจะออกไปสร้างชีวิตของตัวเอง คงเป็นเพียงความฝันเท่านั้นล่ะครับ
6. คุณหาเวลาให้กับตัวเองได้เสมอถ้าคุณต้องการ
เวลาว่างเรามีเสมอครับ คุณแค่ทำให้มันหมดไปโดยไม่ทันคิดเท่านั้นเอง คำกล่าวยอดฮิตที่ว่าฉันไม่มีเวลา” เป็นแค่คำพูดสวยหรูของคนที่บริหารจัดการเวลาไม่เป็น แต่อ้างว่า
“ฉันไม่มีเวลา” เพื่อให้คนอื่นเห็นใจแต่ก็น่าแปลกที่คนเหล่านี้ จะมีเวลาเล่นโทรศัพท์ ท่องโซเชี่ยลถ่ายรูปสวยๆ นอนดู Y o u T u b e หรือแม้แต่นั่งเล่นเกม
พวกเขามีเวลาทำเรื่องเหล่านี้ได้เสมอทุกวัน โดยบอกสังคมว่า “ฉันไม่มีเวลา”เรื่องนี้ ต่างเป็นความจริงที่พวกเราต้องพบเจอทั้งนั้นครับ ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของเราเองหรือคนรอบข้างก็ตาม และหากรู้ถึงขนาดนี้แล้ว คุณจะทำยังไงต่อ ระหว่างบ่นชีวิต โทษคนอื่น
หาข้ออ้าง ที่จะให้ตัวเองได้อยู่แบบเดิมต่อไป หรือจะเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนการกระทำเสียใหม่สร้างตัวตนใหม่ที่ดีกว่าเดิมในวันนี้ขึ้นมา แล้วทำชีวิตต่อจากนี้ให้ดำเนินไปตามความเป็นจริงของชีวิต
7. สิ่งที่คุณมีอยู่ในเวลานี้คือปัจจุบันเท่านั้น
คุณมีสิทธิ์ที่จะคิด ที่จะฝัน ถึงอนาคตที่สวยงาม มีสิทธิ์ที่จะนำเรื่องราวในอดีตมาบอกเล่าสู่ผู้อื่นทั้งเรื่องน่ายินดีน่าชื่นชม หรือเรื่องร้ า ยที่จะเป็นประสบการณ์ต่อผู้คน แต่คุณห้ามลืมเด็ดขาดว่า
คุณมีแค่ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ มีแต่ปัจจุบันนี้เท่านั้น ที่คุณจะทำสิ่งต่างๆให้เกิดขึ้นจริงได้เราไม่มีวันล่วงรู้อนาคตได้ว่าชีวิตเราจะจบสิ้นเมื่อไหร่ คุณควรคิดเสมอว่า
“ฉันจะทำวันนี้ให้เหมือนวันสุดท้ายของชีวิต” คุณจะได้ไม่ต้องเสียใจในวินาทีสุดท้ายของชีวิตว่า“ฉันยังไม่ได้ทำนั่น ยังไม่ได้ทำนี่เลย” ทำมันซะตั้งแต่วันที่ยังมีชีวิตนี่แหละครับ
ที่มา : sanook